วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา


พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

คำถาม
1. เทคโนโลยีมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น

2. ในอดีตยุคที่มนุษย์ยังเร่ร่อนมีอาชีพอะไร
ตอบ เกษตรกรรม ล่าสัตว์


3.  มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณกี่ปี
ตอบ 5000 ปี

ประวัติบุคคลในวงการ IT

บุคคลสำคัญในวงการคอมพิวเตอร์


Alan Mathison Turingอลัน มาธิสัน ทัวริง
เกิด วันที่ 23 มิ.ย. 1912 ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ
เสียชีวิต วันที่ 7 มิ.ย. 1954 ที่เมืองวิล์มสโล อังกฤษ

ผลงาน :
ทฤษฎีความสามารถคำนวณได้ของคอมพิวเตอร์ (Computability) , การทดสอบความฉลาดของคอมพิวเตอร์ (Turing test), เครื่องจักรทัวริง (universal Turing machine)
อลัน ทัวริง (Alan Turing) คิดค้นเครื่องจักรทัวริง (Turing machine) เครื่องมือในฝันที่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้าเพียงแต่เราจะใส่วิธีทำลงไป ซึ่งกลายเป็นต้นแบบแรกเริ่มของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ทัวริงแมชชีนเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ เพราะเป็นครั้งแรกที่เราแยก "อุปกรณ์" ออกจาก "ความสามารถของอุปกรณ์" นั้นได้ การทำงานของเครื่องไม่ได้ถูกกำหนดมาล่วงหน้า แต่ขึ้นอยู่กับวิธีทำหรืออัลกอริทึมที่แนบมาด้วย
เครื่องจักรทัวริงนั้นไม่้ยุ่งยาก ทำงานเป็นเหมือนเครื่องอ่านม้วนกระดาษยาวๆ (หรือเทป) ลองคิดดูว่าเรามีกระดาษเก็บข้อมูลยาวๆ ไม่สิ้นสุด บนกระดาษจะบันทึกเลขสองตัวคือ ศูนย์และหนึ่ง เช่น ...0011011000100... ทัวริงแมชชีนมีหัวอ่านค่าในกระดาษนี้ ที่บอกว่าตอนนี้กำลังอ่านเลขตัวไหนอยู่ตรงไหน และรู้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานะใด (ทัวริงแมชชีนมีได้หลายสถานะ แล้วแต่ข้อมูลที่กำลังอ่านอยู่) วิธีทำที่แนบมาด้วยสามารถสั่งให้ทัวริงแมชชีนทำงานได้สี่ประการต่อไปนี้ 1. อ่านเลขตัวติดกันทางซ้าย (เปลี่ยนตำแหน่งปัจจุบัน)
2. อ่านเลขตัวติดกันทางขวา (เปลี่ยนตำแหน่งปัจจุบัน)
3. แก้ค่าปัจจุบันที่อ่านอยู่ เช่นจาก 0 เป็น 1 หรือจาก 1 เป็น 0 (เปลี่ยนค่าบนกระดาษ)
4. เปลี่ยนสถานะ

รูปด้านบนเป็นการใช้เครื่องจักรทัวริงตรวจสอบคำว่าใช่ "aabb" หรือไม่ ไม่น่าเชื่อที่ว่าแค่สั่งให้เครื่องจักรทัวริงเคลื่อนไหวไปๆ มาๆ ลบค่าบ้าง เปลี่ยนสถานะบ้าง จะทำให้เครื่องนี้มีความสามารถมากมาย วิธีทำที่แนบมาเป็นตัวควบคุมการทำงานของทัวริง ถ้าเราแนบคำสั่งให้ทัวริงอ่านเลขตัวติดกันทางขวาไปเรื่อยๆ ทัวริงก็จะไม่มีประโยชน์อะไรนัก แต่ถ้าเราเขียนคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น เครื่องจักรทัวริงก็สามารถเล่นหมากรุกกับเราได้ อลัน ทัวริงถึงกับบอกว่าเครื่องจักรทัวริงสามารถจำลองระบบความคิดของมนุษย์ได้ และนี่คือเครื่องมือมหัศจรรย์ที่อลัน ทัวริงคิดค้น
อลัน ทัวริง เกิดในลอนดอน ปี 1912 บิดาทำงานเป็นข้าราชการอังกฤษที่ต้องประจำในอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่มารดาของเขาเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นสภาพแวดล้อมของลูก ดังนั้นชีวิตในวัยเด็กของทัวริงจึงเติบโตในอังกฤษในบ้านเลี้ยงเด็ก โดยที่พ่อแม่มาเยี่ยมเป็นครั้งคราว คาดกันว่าความเดียวดายในวัยเด็กนี้ ทำให้ทัวริงติดใจการทำงานของจิตใจมนุษย์เป็นพิเศษ

เมื่ออายุสิบสามปี ทัวริงเข้าโรงเรียน Sherbourne ใน Dorset ในสมัยมัธยม ทัวริงสนิทและนับถือรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อ คริสโตเฟอร์ มอร์คอม (Christopher Morcom)
ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างกะทันหันด้วยวัณโรค ความสูญเสียนี้ทำให้ทัวริงหมดสิ้นศรัทธาในศาสนาและพระเป็นเจ้า และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะต้องมีคำอธิบายที่เห็นและจับต้องได้จริง ทัวริงตั้งคำถามว่าจิตใจคนเราทำงานอย่างไร จิตของเพื่อนคนนั้นจะเป็นอย่างไรเมื่อร่างกายจากไปแล้ว เขาเชื่อว่าในเครื่องจักรกลและสมองของมนุษย์นั้นไม่มีจิตวิญญาณอยู่จริง แต่สงสัยว่าความคิด และความมีสติสัมปชัญญะเกิดได้อย่างไร

อลัน ทัวริงเข้าเรียนที่ King's College ในเคมบริดจ์ เมื่อเรียนจบได้ไม่นานก็เผยแพร่ผลงานเครื่องจักรทัวริง ช่วงนั้นเป็นช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง จากผลงานของทัวริงที่ปรากฎทำให้รัฐบาลเรียกตัวเขาไปร่วมงานชิ้นสำคัญ ในตอนนั้น รัฐบาลอังกฤษรวบรวมนักคณิตศาสตร์ แชมเปียนหมากรุก นักภาษา นักวิเคราะห์อักขระอียิปต์ และใครก็ตามที่มีผลงานเกี่ยวกับหลักตรรกศาสตร์ เพื่อพยายามถอดรหัสของเครื่องเอนิกมา (Enigma) ซึ่งเป็นรหัสลับที่นาซีใช้ติดต่อสื่อสารในช่วงสงคราม งานนี้เป็นความลับระดับชาติ หลังจากทัวริงเสียชีวิตไปแล้ว สาธารณชนจึงได้รับรู้ว่าทัวริงมีส่วนในการออกแบบเครื่องมือที่ใช้แกะนาซีโค้ดที่ส่งไปที่ U-boats ในแอตแลนติกเหนือ และมีส่วนช่วยให้แกะรหัสนี้สำเร็จในเวลาต่อมา

ทัวริงกลับมาที่เคมบริดจ์หลังสงครามเลิก และยังสนใจเรื่องเครื่องจักรกลที่สามารถคิดเองได้ เขาเสนอความคิดว่าเครื่องกลหนึ่งๆ สามารถจะเรียนรู้และแก้คำสั่งที่แนบมาเองได้ ทัวริงยังคิดค้นการทดสอบแบบทัวริง (Turing test) ที่โด่งดังซึ่งเป็นการวัดว่าเครื่องมือหนึ่งๆ จะมีความฉลาดทัดเทียมมนุษย์ได้หรือไม่ โดยวัดจากการนำคนหนึ่งไปนั่งในห้องปิด และถามคำถามเดียวกันกับคน และกับเครื่อง (แต่มองไม่เห็นว่าใครตอบ) ถ้าผู้ถามไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคำตอบใดมาจากเครื่อง คำตอบใดมาจากคน นั่นย่อมแปลว่าเครื่องกลนั้นฉลาดทัดเทียมมนุษย์
ตัวอย่างของการทดสอบแบบทัวริงที่น่าสนใจอันหนึ่ง คือรางวัล Loebner ที่จัดทุกปี เพื่อแข่งขันหาโปรแกรมสนทนาโต้ตอบกับคนที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด กรรมการสิบคนจากหลากหลายอาชีพพิมพ์โต้ตอบคุยกับอีกฝ่าย ซึ่งกรรมการไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนี้เป็นโปรแกรมหรือเป็นคนจริงๆ ถ้ากรรมการแยกแยะไม่ได้ว่ากำลังคุยกับโปรแกรมหรือกับคน แต่จริงๆ แล้วอีกฝ่ายเป็นโปรแกรม ย่อมหมายความว่าโปรแกรมนั้นหลอกคนได้สำเร็จ และมีความฉลาดระดับหนึ่ง โปรแกรมที่ชนะเลิศการแข่งขันในปี 2004 มีชื่อว่าอลิซ (ALICE) ผู้เรียนสามารถลองคุยกับอลิซได้ที่เว็บไซต์ http://alicebot.org/ ตัวอย่างคำตอบของเธอต่อกรรมการ
กรรมการ: Do you daydream
Alice: I have a lot of dreams but I cannot remember them all.
กรรมการ: Do you speak any Swedish
Alice: I speak only English right now, but I'd like to learn some other languages. Can you teach me a few phrases in Any Swedish.

โปรแกรมเหล่านี้ต้องละเอียดขนาดความเร็วของแต่ละตัวอักษรที่ปรากฎ (เพราะต้องทำให้รู้สึกเหมือนคนกำลังพิมพ์ตอบ) ต้องวิจัยกันทีเดียวว่าเวลาที่ใช้การพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัวเป็นอย่างไร เช่นการพิมพ์ t นั้นเร็วกว่าการพิมพ์ตัว s และต้องใส่ถ่วงเวลาแค่ไหนระหว่างตัวอักษรแต่ละตัวจะปรากฎ และบางทีโปรแกรมก็ต้องพิมพ์ผิด เว้นวรรคพลาดบ้าง จะได้แนบเนียน แต่อลิซหลอกกรรมการที่เป็นจิตแพทย์ไม่ค่อยเก่ง เพราะเธอจนปัญญาเอาทีเดียวกับคำถามเหล่านี้
กรรมการ: If I see a house
Alice: Try it.
กรรมการ: Am I on the inside outside or could it be either


คำถาม-ตอบ

1.บุคคลในวงการIT ชื่ออะไร
ตอบ อลัน มาธิสัน ทัวริง

2.บุคคลในวงการIT เกิดวันที่เท่าไร
ตอบ เกิด วันที่ 23 มิ.ย. 1912 ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ

3.บุคคลในวงการIT เสียชีวิตวันที่เท่าไร
ตอบ เสียชีวิต วันที่ 7 มิ.ย. 1954 ที่เมืองวิล์มสโล อังกฤษ


ที่มา   http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/computer(10)/evolution/Pioneers_Turing.htm

ความรู้เกี่ยวกับแท็บเล็ต (tablet)

หลายๆคนพอพูดถึง "แท็บเล็ต - Tablet" แล้วอาจจะงงว่ามันคืออะไร ?? แต่ถ้าพูดว่า iPad, Samsung Galaxy Tab แล้วล่ะก็ต้องร้อง อ๋อ กันแน่นอนซึ่ง iPad และ Samsung Galaxy Tab นั้นจริงๆแล้วเป็นเพียงแค่ชื่อรุ่นเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเครื่องเหล่านี้จะเรียกกันว่า "แท็บเล็ต - Tablet"

"แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"


แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)
"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก

"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน

แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือ แท็บเล็ต - Tablet
"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม"

ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต "ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก


ความแตกต่างระหว่าง "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"
เริ่มแรก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์ และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า "Wintel"

ต่อมาในปี 2010 ได้เกิดแท็บเล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ต - Tablet" ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM นี้ทำให้แท็บเล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บเล็ตตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ ไอแพด (iPad) นั้นเอง

** สรุปความหมายของแท็บเล็ตสั้นๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางที่มีหน้าจอแบบสัมผัสในการใช้งานเป็นหลัก

คำถาม-ตอบ
1.แท็บเล็ต คืออะไร
ตอบ คอมพิวเตอร์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางที่มีหน้าจอแบบสัมผัสในการใช้งานเป็นหลัก
2.แท็บเล็ตแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ตอบ 2ประเภท
3.แท็บเล็ตแต่ละประเภทชื่ออะไร
ตอบ"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข้อสอบคอมพิวเตอร์ พร้อมเฉลย

1. คอมพิวเตอร์คืออะไร
ก. ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. การคำนวณ
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
2. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. การคำนวณ
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
3. ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์คืออะไร
ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
4. การวัดขนาดข้อมูล 8 Bit มีค่าเท่ากับ ก. 10 Byte
ข. 100 Byte
ค. 1 Byte
ง. 1024 Byte
5. การวัดขนาดข้อมูล 1 KB(กิโลไบต์) มีค่าเท่ากับ ก. 1024 KB
ข. 1024 MB
ค. 1024 Byte
ง. 1024 Byte

6. การวัดขนาดข้อมูล 1 MB(เมกกะไบต์) มีค่าเท่ากับ ก. 1024 KB
ข. 1024 MB
ค. 1024 Byte
ง. 1024 Byte

7. การวัดขนาดข้อมูล 1 GB(กิกะไบต์) มีค่าเท่ากับ ก. 1024 KB
ข. 1024 MB
ค. 1024 Byte
ง. 1024 Byte
8. การวัดขนาดข้อมูล 1 TB(เทราไบต์) มีค่าเท่ากับ ก. 1024 KB
ข. 1024 MB
ค. 1024 GB
ง. 1024 Byte
9. RAM คืออะไร ก. หน่วยความจำถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้
10. ROM คืออะไร ก. หน่วยความจำถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้

เฉลยแบบทดสอบ
ข้อที่ คำตอบ
  
1           ค  
2           ก  
3           ข
4           ค  
5           ค
6           ก  
7           ข  
8           ค  
9           ง  
10         ก

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข้อสอบ O-NET คอมพิวเตอร์

1. ข้อใดไม่ใช่ ขั้นตอนหลักในการทำงานของคอมพิวเตอร์

ก. ประมวลผล ข. เก็บข้อมูล

ค. รับข้อมูล ง. แสดงผลลัพธ์

จ. นำข้อมูลเข้า (คนที่จะนำข้อมูลเข้าได้ก็คือ User ค่ะ)

2. หน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุดในระบบคอมพิวเตอร์เรียกว่า

ก. บิต ( 1 กับ 0) ข. ไบต์

ค. ฟิลด์ ง. เร็คคอร์ด

จ. ไฟล์

3. ข้อมูลเมื่อผ่านการประมวลผลแล้ว จะได้อะไร

ก. Document ข. Report

ค. Information ง. Output

จ. Database

4. สัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณชนิดใด

ก. อนาล็อก ข. ดิจิตอล

ค. ไฮบริค ง. ไฟฟ้า

จ. อิเล็กทรอนิกส์

5. สิ่งใดที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้

ก. การเปิดกล่องระเบิด ข. การเลือกผลไม้

ค. การก่อการร้าย ง. การปอกเลือกไข่ต้ม

จ. การเก็บกู้ระเบิด

6. IP Address คือ

ก. หมายเลยประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่าย

ข. โพรโทคอลที่ใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ค. หมายเลขประจำของเครื่องเซิร์ฟเวอร์

ง. ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต

จ. ถูกทุกข้อ



7. ข้อใดกล่าวถึง Protocol ได้ถูกต้อง

ก. การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

ข. การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล

ค. การบริหารวารสารและข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต

ง. เครื่องมือที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลในรูปแบบเอกสาร

จ. ภาษาการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบอินเทอร์เน็ต

8. ส่วนประกอบใดของโปรแกรม Internet Explorer ที่ทำหน้าที่แสดงที่อยู่ของเว็ปไซด์

ก. แถบชื่อ ข. แถบสื่อสาร

ค. แถบสถานะ ง. พื้นที่แสดงเว็บเพจ

จ. แถบที่อยู่ของเว็บไซต์

9. s15550036@student.rit.ac.th ข้อความ “s1555036” หมายถึงข้อใด
   ก. Domain Name ข. Password

ค. Sub Domain ง. Username

จ. ISP

10. ไฟล์ที่ถูกบีบอัดด้วยโปรแกรม WinZip จะมีส่วนขยายหรือนามสกุลไฟล์ตามข้อใด

   ก. .doc ข. .zip

ค. .com ง. .txt

จ. .exe

11. ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการที่อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะไม่จำกัดผู้ใช้ ปัญหาดังกล่าวคือ

ก. อาจมีผู้บุกรุก เข้าทำลายระบบคอมพิวเตอร์ ข. ความปลอดภัยของข้อมูล

ค. ลิขสิทธิ์ ง. ไวรัสคอมพิวเตอร์ทำลายข้อมูล

ง. ถูกทุกข้อ12. ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของการประมวลผลแบบระบบฐานข้อมูล

   ก. หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูล ข. ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลลงได้

ค. ข้อมูลไม่สูญหายเนื่องจากถูกเก็บไว้หลายๆ ที่ ง. ประหยัดอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูล

จ. กำหนดระบบความปลอดภัยของข้อมูลได้

13. ข้อใดจัดเป็นโปรแกรม DBMS

ก. โปรแกรมภาษาโคบอล ข. โปรแกรมภาษาปาสคาล

ค. โปรแกรมภาษาเบสิค ง. โปรแกรมภาษาซี

จ.. โปรแกรม SQL



14. รายละเอียดข้อมูลที่แสดงถึงคุณสมบัติของเอ็นติตี้ คือ

ก. Attribute ข. Relationship

ค. Database ง. Field

จ. File

15. กรณีที่กำหนดว่า “นักศึกษาแต่ละคนสามารถลงทะเบียนได้หลายวิชา ในขณะที่แต่ละวิชานักศึกษาสามารถเลือกเรียนได้หลายคน ” ความสัมพันธ์ระหว่างรายวิชาและนักศึกษาเป็นความสัมพันธ์แบบใด

ก. แบบหนึ่งต่อกลุ่ม ข. แบบกลุ่มต่อกลุ่ม

ค. แบบกลุ่มต่อหนึ่ง ง. แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

จ. ถูกทุกข้อ

16. “ความสัมพันธ์” ที่กล่าวถึงในข้อ 15 หมายถึง

ก. ความสัมพันธ์ระหว่างเอททริบิวต์ ข. ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลด์

ค. ความสัมพันธ์ระหว่างเร็คคอร์ด ง. ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็นติตี้

จ. ความสัมพันธ์ระหว่างฐานข้อมูล

17. ชนิดความสัมพันธ์ใดต่อไปนี้ในข้อใดไม่ถูกต้อง

ก. 1 : 1 ข. 1 : m ค. M : 1 ง. M : n จ. 1: n

18. ถ้าจะกำหนดความสัมพันธ์ข้อมูลของร้านอาหารแห่งหนึ่งระหว่างรายการอาหารกับลูกค้า ควรจะกำหนดความสัมพันธ์ในรูปแบบใด

ก. One to One ข. One to Many

ค. Many to Many ง. Many to One

จ. ถูกทุกข้อ

19. ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล เช่น กำหนดการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละคน ตรงกับ
บุคคลต่อไปนี้

ก. Programmers ข. DBA

ค. DBMS ง. Computer Analysis

จ. Data Entry

20. ข้อใด ไม่ใช่ ผลเสียของการทำงานด้วยระบบไฟล์

ก. เปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บ ข. เขียนโปรแกรมเพื่อจัดการกับข้อมูลยาก

ค. เกิดความขัดแย้งของข้อมูล ง. เกิดความซ้ำซ้อนของข้อมูล

จ. ผิดทุกข้อ

21. โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (DBMS) มีหน้าที่อย่างไร

ก. ดูแลรักษาข้อมูล ข. ติดต่อกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้อมูล

ค. ควบคุมภาวการณ์ใช้ข้อมูลพร้อมกัน ง. จัดการการเข้าถึงข้อมูลและไฟล์ข้อมูล

จ. ถูกทุกข้อ

22. ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารฐานข้อมูล จะทำหน้าที่คล้ายคลึงกับใคร

ก. เจ้าหน้าที่เขียนโปรแกรม ข. ผู้ใช้

ค. หัวหน้าฝ่ายคอมพิวเตอร์ ง. นักวิเคราะห์ระบบ

จ. นักออกแบบระบบ

23. ข้อใดต่อไปนี้ควรกระทำเป็นอันดับแรกในการออกแบบฐานข้อมูล

ก. รวบรวมข้อมูลและความต้องการของผู้ใช้ ข. กำหนดรูปแบบฟิลด์และไฟล์

ค. ทำความเข้าใจกับข้อมูล ง. ออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างไฟล์

จ. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

24. ใน SQL ต่อจากคำสั่ง SELECT ต้องเป็นชื่อของอะไร

ก. ชื่อ Field ข. ชื่อ Table

ค. ชื่อ Table หรือชื่อ Query ง. ชื่อ Field หรือชื่อ Query

ง. ถูกทุกข้อ

25. ใน SQL ต่อจากคำสั่ง FROM ต้องเป็น

ก. ชื่อ Field ข. ชื่อ Table

ค. ชื่อ Table หรือชื่อ Query ง. ชื่อ Field หรือชื่อ Query

จ. ถูกทุกข้อ

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

สอบเก้ตัว

1.ข้อใดกล่าวถึง ซอฟต์เเวร์ ได้ถูกต้อง
    ก.ซอฟต์เเวร์ ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่คอยสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
    ค.ซอฟต์แวร์ คือ ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สร้างขึ้นโดยนักเขียนโปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
    ง.ตัวอย่างซอฟต์แวร์ เช่นโปรแกรมพิมพ์งาน โปรแกรมดูหนัง โปรแกรมป้องกันไวรัส

2.ซอฟต์แวร์เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่อะไรบ้าง
   ก.ซอฟต์แวร์ระบบ กับ ซอฟต์เเวร์ประยุกต์

3.ข้อใดต่อไปนี้เป็นซอฟต์แวร์ทั้งหมด
   ค.เกมส์คอมพิวเตอร์ / Ms-waord / WinAM

ตอบคำถามข้อ 4-7 ที่มีความสัมพันธ์มากที่สุด
4.ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคมและประสานการทำงานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่อง
คอมพิวเตอร์
      ก.System software

5.Microsoft windows / Linux / PalmOs / Android / Ios
      ค.Os

6.ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานด้านต่างๆ ความต้องการของผู้ใช้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง
      ข.Aplication software

7.ซอฟต์แวร์ที่ช่วยสนับสนุนเพิ่มความสามารถของโปรเเกรมที่ใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
      ง.Utility  program

8.ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ระบบปฏบัติการ
   ก.Microsoft - Word

9.ข้อใดต่อไปนี้คือระบบปฏิบัติการที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือแบบสมาต์โฟน
    ง.Symdian OS

10.ข้อใดต่อไปนี้คือระบบปฏิบัติการที่ใช้ในห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนตรังรังสฤษฎ์
     ข.Microsoft Windows

11.แอนดรอยด์ คือ อะไร
     ค.เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เน็ตบุ๊ก

12.ข้อใดกล่าวถึง Disk drfragment
     ง.โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์

13.โปรแกรมแปลภาษาทำหน้าที่คล้ายกับอาชีพใดมากที่สุด
     ง.ล่าม

14.โปรแกรมแปลภาษาทำหน้าที่อย่างไร
     ค.แปลภาษาคอมพิวเตอร์เป็นภาษาเครื่อง

15.ข้อใดต่อไปนี้ไม่จัดอยู่ในโปรแกรมอรรถประโยชน์
     ง.โปรแกรมพิพ์เอกสาร รายงาน

16.ข้อใดกล่าวถึงโปรแกรมบีบอัดไฟล์  ได้ถูกต้อง
     ก.คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็กลง
     ข.คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่บีบอัดไฟล์เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ในหน่วยความจำ
     ง.การบีบีอัดไฟล์บางครั้งเรียกว่า ซิปไฟล์ ( Zip file)

17.ข้อใดกล่าวถึงไวรัสคอมพิวเตอร์ ได้ถูกต้อง
      ก.คือ ซอฟต์ประเภทหนึ่งที่มีคนสร้างขึ้
      ข.เกิดจากการสร้างขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
      ค.ก่อความรำคาญ หรือความเสียหายเเก่คอมพิวเตอร์

18.ใครเป็นคนสร้างซอฟต์แวร์
      ค.ผู้มีความรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์

19.ข้อใดต่อไปนี้บอก E-mail  address  ได้ถูกต้อง
     ง. zabza 112 @hotmail.com

20.โปรแกรมใดต่อไปนี้เหมาะสำหรับงานด้าน การคำนวณทางคณิตศาตร์ สร้างกราฟ มากที่สุด
      ก.Ms-Excel

21.โปรแกรมใดต่อไปนี้เหมาะสำหรับงานด้านการสร้างเอกสาร เช่น รายงาน ป้ายประกาศ หรือบัตรอวยพร
     ค.Ms-word

22.ข้อใดกล่าวถึง E-mail  ได้ถูกต้อง
     ก.E-mail คือ ไปรษณีย์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
     ข.E-mail คือ การส่งจดหมาย ข้อความ ถึงกันทางอินเตอร์เน็ต
     ง..E-mail สามารถส่งจดหมายจากผู้ส่งคนเดียวไปยังผู้รับหลายๆคนพร้อมกันได้

23.ข้อใดกล่าวถึง แว็บแคบ (Wed cam) ได้ถูกต้อง
      ก.คือ กล้องวีดีโอที่ถ่ายภาพนิ่งหรือวีดีโอคอมพิวเตอร์
      ข.คือ การสนทนาผ่านทางอินเตอร์เน็ต
      ค.คือ Wed camere

24.เว็บไซต์ใดต่อไปนี้ เป็นเว็บไซต์ที่สามารถช่วยนักเรียนสืบค้นข้อมูลต่างๆ ได้กว้างขวางที่สุด
       ค.www.google.co.th

25.คนใดปฏิบัติตนถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านคอมพิวเตอร์
      ค.จารุกิตต์ ชอบเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พูดคุยติดต่อกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตให้แม่ฟัง

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

พฤติกรรมของสุนัขที่เกิดจากการเรียนรู้

พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้
พฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ (Learned behavior) เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้โดยอาศัยประสบการณ์หรือการเรียนรู้ของสัตว์ พฤติกรรมแบบส่วนนี้ส่วนใหญ่พบในสัตว์ชั้นสูงที่มีระบบประสาทที่เจริญดี แต่ในสัตว์ชั้นต่ำบางชนิดก็สามารถแสงดพฤติกรรมประเภทนี้ได้ พฤติกรรมประเภทนี้สามารถแบ่งย่อยออกเป็นแบบต่างๆได้ดังนี้
พฤติกรรมการเรียนรู้แบบแฮบบิชูเอชัน ( Habituation ) เป็นพฤติกรรมที่สัตว์หยุดตอบสนองต่อสิ่งเร้าเดิม แม้จะยังได้รับการกระตุ้นอยู่ เนื่องจากสัตว์เรียนรู้แล้วว่าสิ่งเร้านั้นไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของตัวเอง เช่น
- การที่นกลดอัตราการบินหนีหุ่นไล่กา
- การเลิกแหงนมองตามเสียงเครื่องบินของสุนัขที่อาศัยอยู่แถวสนามบิน

ภาพ สุนัขและหมีคุ้นเคยกับคน
พฤติกรรมการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข ( Conditioning ) 
เป็นพฤติกรรมการตอบสนองสิ่งเร้าที่ไม่แท้จริงได้เช่นเดียวกับสิ่งเร้าที่แท้จริง เช่น
- การทดลองของ อีวาน พาฟลอฟ ( Ivan Pavlov ) นักสรีรวิทยาชาวรัสเซีย เป็นการทดลองว่า สุนัขหลั่งน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง (สิ่งเร้าที่ไม่แท้จริง)
1. ก่อนการเรียนรู้ ให้อาหาร (สิ่งเร้าที่แท้จริง) สุนัขน้ำลายไหล
2. ระหว่างการเรียนรู้ ให้อาหาร (สิ่งเร้าที่แท้จริง) สุนัขน้ำลายไหล พร้อมสั่นกระดิ่ง (สิ่งเร้าที่ไม่แท้จริง)
3. หลังการเรียนรู้ สั่นกระดิ่ง (สิ่งเร้าที่ไม่แท้จริง) สุนัขน้ำลายไหล
- การฝึกสัตว์เลี้ยงที่บ้านให้แสนรู้ ฝึกสัตว์ไว้ใช้งาน ฝึกสัตว์แสดงละคร ล้วนมีพื้นฐานมาจากพฤติกรรมการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไขทั้งสิ้น
ภาพ อีวาน พาฟลอฟ ( Ivan Pavlov )
ภาพ การทดลองพฤติกรรมการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข
ที่มา http://www.nana-bio.com/e-learning/Behavior/Learned.htm

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

สุนัขพันธุ์ต่างๆ การจำแนกประเภทของสุนัข

สุนัขพันธุ์ต่างๆ การจำแนกประเภทของสุนัข(หมา)


สุนัขพันธุ์ต่างๆ การจำแนกประเภทของสุนัข(หมา)

พันธุ์สุนัขต่างๆ แบ่งออกได้เป็นกลุ่มตามมาตรฐานของ American Kennel Club (AKC) ซึ่งใช้กันเป็นมาตรฐานแบบหนึ่งในโลกโดยกำหนดได้ดังนี้ :
1. สุนัขเพื่อกีฬาล่าสัตว์ (Sporting Breeds)
สุนัขในกลุ่มนี้ถูกคัดมาเพื่อออกล่าสัตว์เคียงคู่กันกับคนโดยทางยุโรปนั้น ถือว่าการล่าสัตว์เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง เหยื่อมักจะเป็นสัตว์ปีก เช่น ไก่ฟ้า เป็ดน้ำ ฯลฯ เมื่อคนออกไปล่าโดยใช้ปืนยิงแล้วสุนัขเหล่านี้จะเป็นผู้ไปเก็บเหยื่อมาให้ หรือบางครั้งใช้สุนัขเหล่านี้เพื่อชี้เป้า ลักษณะพิเศษของสุนัขกลุ่มนี้คือ ว่องไว ตาไว ว่ายน้ำเก่ง ไม่ก้าวร้าวต่อคน มีความเป็นมิตร ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น พอยท์เตอร์ , โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, ค็อกเกอร์ สแปเนียล, ไวเมอร์แรนเนอร์ ฯลฯ

2. สุนัขล่าสัตว์หรือฮาวนด์ (Hound Breeds)

สุนัขในกลุ่มนี้ใช้ในกรณีการล่าเช่นกัน แต่จะแตกต่างไปจากกลุ่มแรกโดยที่หมาล่าสัตว์นี้จะใช้ล่าสัตวูบก สัตว์ขนาดใหญ่ ตั้งแต่กระต่ายขึ้นไปจนถึงกวางหรือคน เนื่องจากสุนัขสามารถใช้จมูกได้ดีมากด้วยการดมบนพื้นหรือใช้สายตามาองหา จากระยะไกล สุนัขบางพันธุ์ในกลุ่มนี้คัดพันธุ์มาให้เป็นพวกนักขุดนักมุด จึงสามารถแทรกตัวเข้าไปในอุโมงค์หรือโพรงเพื่อจับเหยื่อ ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น อาฟกันฮาวนด์, บาสเซ็ทฮาวนด์, บีเกิล, บลัดฮาวนด์, ดัชชุน, เกรย์ฮาวนด์ ฯลฯ

3. สุนัขใช้งาน (Working Breeds)
สุนัขในกลุ่มนี้ดูจะใกล้ชิดกับมนุษย์มาก เนื่องจากมีการคัดพันธุ์โดยพิจารณาจากโครงสร้าง อารมณ์ และความสามารถพิเศษให้จำเพาะกับงาน เช่น เฝ้ายาม บรรทุกสัมภาระ พฤติกรรมของสุนัขในกลุ่มนี้คือการปกป้องฝูง การหวงพื้นที่ถิ่นฐาน และพฤติกรรมทางสังคมที่เป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น อากิตะ, บ๊อกเซอร์, มาสตีฟ, โดเบอร์แมน พินเชอร์, เกรทเดน, ร็อตไวเลอร์, เซนต์เบอร์นาร์ด ฯลฯ

4. สุนัขเทอร์เรีย (Terrier Breeds)

สุนัขในกลุ่มนี้เป็นพวกนักล่าเหมือนกันเพียงแต่เป็นการล่าจำเพาะชนิดเหยื่อ เช่น การจับหนูในโรงนา กำจัดสัตว์ที่จะมาขโมยไก่ในฟาร์ม ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น บอร์ดเดอร์ เทอร์เรีย, บูล เทอร์เรีย, สก๊อตติช เทอร์เรีย, มินิเอเจอร์ ชเนาว์เซอร์ ฯลฯ

5. สุนัขตุ๊กตา (Toy Breeds)
สุนัขในกลุ่มนี้จัดเป็นสุนัขที่ย่อส่วนมาจากสุนัขพันธุ์ใหญ่ สุนัขในกลุ่มนี้ถูกคัดมาเพื่อเลี้ยงใกล้ชิดกับคนเรา มันจึงไวต่อความรู้สึกและการแสดงออกของผู้เป็นนาย ขณะตัวมันเองก็ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น ชิวาวา, มอลตีส, มินิเอเจอร์ พินเชอร์, ปักกิ่ง, ปอมเมอร์ราเนียน, พุดเดิ้ล(ทอย),ชิสุ,ยอร์กไชร์เทอร์เรีย ฯลฯ

6. สุนัขที่ไม่ใช้เพื่อกีฬาล่าสัตว์ (Non-Sporting Breeds)
สุนัขในกลุ่มนี้เป็นสุนัขที่เลี้ยงเพื่อความสวยงาม เป็นเพื่อนของคนโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปใช้ในงานตามบรรพบุรุษเดิมอีกแล้ว โดยในปัจจุบันเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงในบ้านเท่านั้น ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น บูลด๊อก, ชาไป่, เชา-เชา, ดัลเมเชี่ยน, พุดเดิ้ล(มินิเอเจอร์ และมาตรฐาน) ฯลฯ

7. สุนัขต้อนและคุ้มครองปศุสัตว์ (Herding Breeds)
สุนัขในกลุ่มนี้ใช้ต้อนฝูงปศุสัตว์เช่นวัวและยังใช้ปกป้องฝูงปศุสัตว์จาก สัตว์ต่างๆ ด้วย ตัวอย่างของสุนัขในกลุ่มนี้เช่น ออสเตรเลียน เชพเพิร์ด, คอลลี่, เยอรมัน เชพเพิร์ด (อัลเซเชี่ยน), โอลด์อิงลิช ชีพด๊อก, คอร์กี้ ฯลฯ

ขอบคุณ: 108dog.ueuo.com
ที่มา http://zayyes.com/index.php?topic=6229.0