+พฤติกรรม และการแสดงออกของสุนัข+
พฤติกรรม และการแสดงออกของสุนัข มีวิธีการสังเกตดังต่อไปนี้
1. การมองเห็น ตำแหน่งตาอยู่ค่อนไปทางด้านข้างของหัว ช่วยให้เห็นภาพในมุม
กว้างกว่ามนุษย์ สุนัขจึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมองเห็นในที่
มืดได้ดีกว่ามนุษย์เพราะเซลล์บริเวณจอตาซึ่งเป็นที่รวมแสง สุนัขเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิต
กลางคืน มีแสงไฟนิดหน่อยก็มองเห็นได้ สุนัขมองเห็นได้ไม่ไกล คือ ถ้าเกิน
100 เมตร ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใคร สุนัขมองเห็นได้แค่ 2 สี คือ ขาว
กับดำ ไม่ว่ามืดหรือสว่างก็ไม่เห็นสี
กว้างกว่ามนุษย์ สุนัขจึงตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมองเห็นในที่
มืดได้ดีกว่ามนุษย์เพราะเซลล์บริเวณจอตาซึ่งเป็นที่รวมแสง สุนัขเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิต
กลางคืน มีแสงไฟนิดหน่อยก็มองเห็นได้ สุนัขมองเห็นได้ไม่ไกล คือ ถ้าเกิน
100 เมตร ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใคร สุนัขมองเห็นได้แค่ 2 สี คือ ขาว
กับดำ ไม่ว่ามืดหรือสว่างก็ไม่เห็นสี
2. การดมกลิ่น เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งที่สุนัขใช้กันมาก สุนัขจะกำหนดเขตแดน
ของตนโดยการปัสสาวะบ่อยๆและการเกาหรือขีดข่วนพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นเหงื่อจากต่อม
เหงื่อที่อุ้งเท้า นอกจากนี้ สุนัขยังชอบกลิ้งตัวไปตามพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นตัวเองไว้
ประมาณว่า เราจองแล้วนะ การใช้จมูกดมตามพื้น หมายถึง การหาที่ขับถ่าย ส่วน
การเอาจมูกแตะกัน หมายถึง การที่สุนัขทำความรู้จักกัน เป็นการหยั่งเชิงซึ่งกัน
และกัน สุนัขสองตัว ไม่เคยพบกันมาก่อน แล้วจู่ๆมาเจอกัน สิ่งแรกที่จะแสดงออก
ถ้าไม่เห่า ก็คือการวิ่งเข้าหากันโดยเอาจมูกมาแตะกัน การเอาจมูกแตะกันอย่างนี้
เป็นพฤติกรรมทดสอบฝ่ายตรงข้ามเบื้องต้นว่ามาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้น
จะผลัดกันดม เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยและเป็นการจดจำกลิ่นซึ่งกันและกัน ถึงขั้น
ดมกลิ่นนี้ถือว่าสุนัขทั้งสองตัวเรียนรู้ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูกัน ถ้าเป็นศัตรูกัน
ก็อาจเดินหนี้
ของตนโดยการปัสสาวะบ่อยๆและการเกาหรือขีดข่วนพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นเหงื่อจากต่อม
เหงื่อที่อุ้งเท้า นอกจากนี้ สุนัขยังชอบกลิ้งตัวไปตามพื้นเพื่อทิ้งกลิ่นตัวเองไว้
ประมาณว่า เราจองแล้วนะ การใช้จมูกดมตามพื้น หมายถึง การหาที่ขับถ่าย ส่วน
การเอาจมูกแตะกัน หมายถึง การที่สุนัขทำความรู้จักกัน เป็นการหยั่งเชิงซึ่งกัน
และกัน สุนัขสองตัว ไม่เคยพบกันมาก่อน แล้วจู่ๆมาเจอกัน สิ่งแรกที่จะแสดงออก
ถ้าไม่เห่า ก็คือการวิ่งเข้าหากันโดยเอาจมูกมาแตะกัน การเอาจมูกแตะกันอย่างนี้
เป็นพฤติกรรมทดสอบฝ่ายตรงข้ามเบื้องต้นว่ามาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู จากนั้น
จะผลัดกันดม เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยและเป็นการจดจำกลิ่นซึ่งกันและกัน ถึงขั้น
ดมกลิ่นนี้ถือว่าสุนัขทั้งสองตัวเรียนรู้ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูกัน ถ้าเป็นศัตรูกัน
ก็อาจเดินหนี้
สุนัขทุกชนิดมีความสามารถในการดมกลิ่นแต่บางสายพันธุ์มีประสาทการดม
กลิ่นพัฒนาไปมากกว่าสุนัขทั่วไป เช่น พันธุ์บลัดฮาวน์ด นอกจากใช้จมูกดมกลิ่น
แล้วยังมีเซลล์พิเศษในปากเพื่อรับกลิ่นด้วย สุนัขสามารถจำกลิ่นได้เป็นเวลานาน
และดมกลิ่นเลือดที่หยดลงในน้ำ 7.5 ลิตรได้และสามารถตามรอยเหงื่อจากรอยเท้า
ที่ทิ้งไว้เมื่อ 20 ชั่วโมงได้ สุนัขมีต่อมรับกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายล้านเท่า เช่น
มนุษย์มี 5 ล้านต่อม เยอรมันเชพเพิร์ดมีถึง 2100 ล้านต่อม
กลิ่นพัฒนาไปมากกว่าสุนัขทั่วไป เช่น พันธุ์บลัดฮาวน์ด นอกจากใช้จมูกดมกลิ่น
แล้วยังมีเซลล์พิเศษในปากเพื่อรับกลิ่นด้วย สุนัขสามารถจำกลิ่นได้เป็นเวลานาน
และดมกลิ่นเลือดที่หยดลงในน้ำ 7.5 ลิตรได้และสามารถตามรอยเหงื่อจากรอยเท้า
ที่ทิ้งไว้เมื่อ 20 ชั่วโมงได้ สุนัขมีต่อมรับกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายล้านเท่า เช่น
มนุษย์มี 5 ล้านต่อม เยอรมันเชพเพิร์ดมีถึง 2100 ล้านต่อม
3. การได้ยิน โดยทั่วไปสุนัขจะมีประสาทรับเสียงที่ไวมากสามารถได้ยินเสียงคลื่น
ความถี่สูงกว่าที่มนุษย์ได้ยินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อและการสื่อสาร
กับสุนัขอื่น นอกจากการฝึกสุนัขให้ช่วยนำทางคนตาบอดแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการ
ฝึกสุนัขเพื่อให้ช่วยคนหูหนวก โดยจะฝึกสุนัขให้รับรู้เสียงโทรศัพท์ แล้วบอก
เจ้าของให้มารับข้อความทางโทรศัพท์ผ่านทางคอมพิวเตอร์เป็นตัวอักษร
นักวิทยาศาสตร์ทดลองเอาลูกแก้วเล็กๆยกจากพื้นสูง 3 เซนติเมตร สุนัขยืนห่าง
ออกไป 24 เมตร ก็ยังได้ยิน สุนัขรู้ที่มาของเสียงได้แม่นยำกว่าคน สุนัขจับจังหวะ
เสียงเดินของเจ้าของได้ สุนัขสามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำกว่า 20 Hz และมากกว่า
20,000 Hz ซึ่งเป็นความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ สมัยก่อนสุนัขหูตั้ง พอคน
เอามาเลี้ยงหูเลยตกลงมา ทำให้รับเสียงได้ไม่ดี
ความถี่สูงกว่าที่มนุษย์ได้ยินจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อและการสื่อสาร
กับสุนัขอื่น นอกจากการฝึกสุนัขให้ช่วยนำทางคนตาบอดแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการ
ฝึกสุนัขเพื่อให้ช่วยคนหูหนวก โดยจะฝึกสุนัขให้รับรู้เสียงโทรศัพท์ แล้วบอก
เจ้าของให้มารับข้อความทางโทรศัพท์ผ่านทางคอมพิวเตอร์เป็นตัวอักษร
นักวิทยาศาสตร์ทดลองเอาลูกแก้วเล็กๆยกจากพื้นสูง 3 เซนติเมตร สุนัขยืนห่าง
ออกไป 24 เมตร ก็ยังได้ยิน สุนัขรู้ที่มาของเสียงได้แม่นยำกว่าคน สุนัขจับจังหวะ
เสียงเดินของเจ้าของได้ สุนัขสามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำกว่า 20 Hz และมากกว่า
20,000 Hz ซึ่งเป็นความถี่ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ สมัยก่อนสุนัขหูตั้ง พอคน
เอามาเลี้ยงหูเลยตกลงมา ทำให้รับเสียงได้ไม่ดี
4. การกินและการรับรส สุนัขไม่สามารถรับรสได้แต่อาศัยดมกลิ่น สุนัขต้องใช้ลิ้น
แตะอาหาร 1 วินาทีเพื่อให้รู้รสอาหาร ฟันน้ำนมของสุนัขจะเกิดเมื่ออายุ 20 วันและ
ขึ้นครบใน 6 สัปดาห์ หลังจากนั้น 3 เดือนก็จะเริ่มหลุดและฟันแท้ก็จะงอกแทน
สุนัขมีฟันน้ำนม 28 ซี่ ฟันแท้ 42 ซี่ สมัยก่อนสุนัขกินเนื้อจึงใช้เขี้ยวมากและยังใช้
เป็นอาวุธได้อีกด้วย
แตะอาหาร 1 วินาทีเพื่อให้รู้รสอาหาร ฟันน้ำนมของสุนัขจะเกิดเมื่ออายุ 20 วันและ
ขึ้นครบใน 6 สัปดาห์ หลังจากนั้น 3 เดือนก็จะเริ่มหลุดและฟันแท้ก็จะงอกแทน
สุนัขมีฟันน้ำนม 28 ซี่ ฟันแท้ 42 ซี่ สมัยก่อนสุนัขกินเนื้อจึงใช้เขี้ยวมากและยังใช้
เป็นอาวุธได้อีกด้วย
5. การเห่า เป็นพฤติกรรมปกติของสุนัข อาจเป็นการแสดงความตื่นตัวของสุนัข
และบ่งบอกถึงอาณาเขตครอบครองของตัวสุนัขและเป็นการข่มขู่ผู้ที่เข้ามาในเขต
ครอบครองของสุนัข ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนหรือสัตว์ การเห่าอาจเป็นอาการแสดง
ความยินดีหรือเป็นการสื่อสารของสุนัขกับสิ่งอื่น หรือเพื่อเชิญชวนให้มาร่วมเล่น
ด้วย หรือเกิดเนื่องจากสุนัขมีความสุข สุนัขจะเห่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์
เมื่อสุนัขอายุได้ 4-6 เดือน จะเริ่มเห่าอย่างมั่นใจ อาจจะเห่าอย่างไม่มีเหตุผลใน
บางครั้ง แต่สำหรับสุนัข ทุกครั้งที่เห่า นั่นแสดงว่า เกิดความแปลกหรือความผิด
ปกติขึ้น เช่น เสียงดังเข้าประสาทหูมัน กลิ่นแปลกๆจากสัตว์อื่น นอกจากนี้ การเห่า
ของสุนัข เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนภัยให้เจ้าของบ้านด้วย
และบ่งบอกถึงอาณาเขตครอบครองของตัวสุนัขและเป็นการข่มขู่ผู้ที่เข้ามาในเขต
ครอบครองของสุนัข ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนหรือสัตว์ การเห่าอาจเป็นอาการแสดง
ความยินดีหรือเป็นการสื่อสารของสุนัขกับสิ่งอื่น หรือเพื่อเชิญชวนให้มาร่วมเล่น
ด้วย หรือเกิดเนื่องจากสุนัขมีความสุข สุนัขจะเห่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์
เมื่อสุนัขอายุได้ 4-6 เดือน จะเริ่มเห่าอย่างมั่นใจ อาจจะเห่าอย่างไม่มีเหตุผลใน
บางครั้ง แต่สำหรับสุนัข ทุกครั้งที่เห่า นั่นแสดงว่า เกิดความแปลกหรือความผิด
ปกติขึ้น เช่น เสียงดังเข้าประสาทหูมัน กลิ่นแปลกๆจากสัตว์อื่น นอกจากนี้ การเห่า
ของสุนัข เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนภัยให้เจ้าของบ้านด้วย
6. การเล่น โดยธรรมชาติสุนัขเป็นสัตว์สังคมและอยู่รวมกันได้ดี เนื่องจากมีการ
จัดลำดับฐานะความสำคัญในกลุ่ม สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมักจะแสดงกิริยาต้อนรับ
โดยการแกว่งหางและอ้าปากเล็กน้อยเมื่อสมาชิกในครอบครัวกลับเข้าบ้านและมัก
จะส่งเสียงเห่าเบากว่าสุนัขประเภทล่าเนื้อเนื่องจากการเห่าเป็นลักษณะที่ไม่พึง
ปรารถนา
จัดลำดับฐานะความสำคัญในกลุ่ม สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมักจะแสดงกิริยาต้อนรับ
โดยการแกว่งหางและอ้าปากเล็กน้อยเมื่อสมาชิกในครอบครัวกลับเข้าบ้านและมัก
จะส่งเสียงเห่าเบากว่าสุนัขประเภทล่าเนื้อเนื่องจากการเห่าเป็นลักษณะที่ไม่พึง
ปรารถนา
7. การติดต่อสื่อสาร สุนัขป่าจะสื่อสารกันด้วยการหอนซึ่งวิธีนี้ได้ถ่ายทอดและ
พัฒนาขึ้นมากในกลุ่มสุนัขเลี้ยงทางซีกโลกเหนือหรือสุนัขล่าเนื้อที่จะเห่าหอนใน
ขณะตามเหยื่อ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนายพราน การแสดงออกส่วนใหญ่
ใช้หาง สุนัขไม่ชอบให้ใครจับโดนหางหรือหู สุนัขจะใช้หางเมื่อเวลาว่ายน้ำเหมือน
เป็นหางเสือเรือ ใช้หางเพื่อทรงตัวขณะเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน สุนัขพันธุ์
บ๊อกเซอร์หรือเทอร์เรียร์จะถูกตัดหางหลังเกิด 4-5 วัน เพื่อให้เหมาสมในการออก
ล่าสัตว์ หางจะแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น กระดิกหาง หมายถึง การแสดงความรักและ
ดีใจ หางตั้งขึ้น หมายถึง การสงสัยอะไรบางอย่าง หางจุกตูด หมายถึง การแสดง
ความกลัวหรือยอมแพ้ เป็นต้น
พัฒนาขึ้นมากในกลุ่มสุนัขเลี้ยงทางซีกโลกเหนือหรือสุนัขล่าเนื้อที่จะเห่าหอนใน
ขณะตามเหยื่อ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนายพราน การแสดงออกส่วนใหญ่
ใช้หาง สุนัขไม่ชอบให้ใครจับโดนหางหรือหู สุนัขจะใช้หางเมื่อเวลาว่ายน้ำเหมือน
เป็นหางเสือเรือ ใช้หางเพื่อทรงตัวขณะเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน สุนัขพันธุ์
บ๊อกเซอร์หรือเทอร์เรียร์จะถูกตัดหางหลังเกิด 4-5 วัน เพื่อให้เหมาสมในการออก
ล่าสัตว์ หางจะแสดงอารมณ์ต่างๆ เช่น กระดิกหาง หมายถึง การแสดงความรักและ
ดีใจ หางตั้งขึ้น หมายถึง การสงสัยอะไรบางอย่าง หางจุกตูด หมายถึง การแสดง
ความกลัวหรือยอมแพ้ เป็นต้น
8. การประกาศอาณาเขต ในสุนัขเพศผู้ การฉี่ทิ้งร่องรอยไว้เป็นสิ่งสำคัญมาก
เป็นการแสดงถึงอาณาเขตที่คุมอยู่ (เจ้าถิ่น) โดยจะยกขาขึ้นฉี่ที่ละเล็กน้อย จะไม่ฉี่
รวดเดียวเสร็จเพียงเพื่อทิ้งร่องรอยไว้เท่านั้น หากมีสุนัขอีกตัวมาดมแล้วก็ฉี่ทับก็
แสดงว่าสุนัขที่ฉี่ทับนั้นประกาศสงครามกับเจ้าของรอยฉี่เดิม แต่ในสุนัขเพศเมีย
แล้วจะฉี่รวดเดียวหมด ไม่ค่อยมีการฉี่ทิ้งร่องรอยแบบในเพศผู้ เว้นแต่ช่วงที่เป็น
สัดอยากผสมพันธุ์ สุนัขเพศเมียจะฉี่ทิ้งร่องรอยเพื่อรอตัวผู้มาให้เลือกคู่ การที่สุนัข
ยกขาข้างหนึ่งเวลาฉี่นั้น เป็นเรื่องที่คนไม่ควรเข้าไปแก้ไขเพราะนั่นคือธรรมชาติ
ของสุนัข
เป็นการแสดงถึงอาณาเขตที่คุมอยู่ (เจ้าถิ่น) โดยจะยกขาขึ้นฉี่ที่ละเล็กน้อย จะไม่ฉี่
รวดเดียวเสร็จเพียงเพื่อทิ้งร่องรอยไว้เท่านั้น หากมีสุนัขอีกตัวมาดมแล้วก็ฉี่ทับก็
แสดงว่าสุนัขที่ฉี่ทับนั้นประกาศสงครามกับเจ้าของรอยฉี่เดิม แต่ในสุนัขเพศเมีย
แล้วจะฉี่รวดเดียวหมด ไม่ค่อยมีการฉี่ทิ้งร่องรอยแบบในเพศผู้ เว้นแต่ช่วงที่เป็น
สัดอยากผสมพันธุ์ สุนัขเพศเมียจะฉี่ทิ้งร่องรอยเพื่อรอตัวผู้มาให้เลือกคู่ การที่สุนัข
ยกขาข้างหนึ่งเวลาฉี่นั้น เป็นเรื่องที่คนไม่ควรเข้าไปแก้ไขเพราะนั่นคือธรรมชาติ
ของสุนัข
9. การยกขา สุนัขที่ยกขาหน้าขึ้นเป็นการแสดงเมื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เชื่อว่า
พฤติกรรมนี้สืบเนื่องมาจากขณะที่เป็นลูกสุนัขแรกเกิด เนื่องจากเวลาดูดนมจาก
เต้านมของแม่ ลูกจะใช้เท้าพลิกหรือดันหัวนมแม่เป็นจังหวะ เป็นการกระตุ้นให้มี
น้ำนมไหล คือ ยังต้องการจะกินนมแม่อีก เมื่อโตขึ้นจึงมีพฤติกรรมเดิมหลงเหลือมา
แสดงกับคน
พฤติกรรมนี้สืบเนื่องมาจากขณะที่เป็นลูกสุนัขแรกเกิด เนื่องจากเวลาดูดนมจาก
เต้านมของแม่ ลูกจะใช้เท้าพลิกหรือดันหัวนมแม่เป็นจังหวะ เป็นการกระตุ้นให้มี
น้ำนมไหล คือ ยังต้องการจะกินนมแม่อีก เมื่อโตขึ้นจึงมีพฤติกรรมเดิมหลงเหลือมา
แสดงกับคน
10 . การขุดและการกลบ พฤติกรรมการฝังกระดูกเป็นสัญชาติญาณของ
บรรพบุรุษของสุนัขเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญชาติญาณของความอยู่รอดของสัตว์ป่า โดย
การถนอมอาหารเพื่อที่จะเก็บอาหารไว้กินยามขาดแคลน ถึงแม้ว่าสุนัขที่เลี้ยงใน
บ้านไม่ได้ขาดแคลนอาหาร แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทิ้งนิสัยเดิมได้ ไม่เพียงแต่ฝัง
เศษอาหาร สุนัขบางตัวยังฝังของเล่นแล้วจะกลบอย่างประณีต บางตัวสามารถจดจำ
สถานที่ฝังได้อย่างแม่นยำแต่บางตัวก็ลืมสมบัติที่ฝังไว้
บรรพบุรุษของสุนัขเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญชาติญาณของความอยู่รอดของสัตว์ป่า โดย
การถนอมอาหารเพื่อที่จะเก็บอาหารไว้กินยามขาดแคลน ถึงแม้ว่าสุนัขที่เลี้ยงใน
บ้านไม่ได้ขาดแคลนอาหาร แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทิ้งนิสัยเดิมได้ ไม่เพียงแต่ฝัง
เศษอาหาร สุนัขบางตัวยังฝังของเล่นแล้วจะกลบอย่างประณีต บางตัวสามารถจดจำ
สถานที่ฝังได้อย่างแม่นยำแต่บางตัวก็ลืมสมบัติที่ฝังไว้
สุนัขที่มีนิสัยชอบขุดหรือขีดข่วนบนพื้นแข็งพื้นห้องแสดงถึงความกระตือรือร้น
ที่จะสร้างที่นอนอันสบายให้ตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถพบเห็นได้จากการที่สุนัข
ชอบไปนอนในตะกร้าและสิ่งแรกที่ทำก็คือการขีดข่วนเพื่อเป็นการจัดที่นอน
พฤติกรรมนี้เมื่อย้อนไปในอดีต เป็นสัญชาติญาณเพื่อความอยู่รอด
ที่จะสร้างที่นอนอันสบายให้ตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถพบเห็นได้จากการที่สุนัข
ชอบไปนอนในตะกร้าและสิ่งแรกที่ทำก็คือการขีดข่วนเพื่อเป็นการจัดที่นอน
พฤติกรรมนี้เมื่อย้อนไปในอดีต เป็นสัญชาติญาณเพื่อความอยู่รอด
11. การเลีย สุนัขจะแสดงความรักต่อเจ้าของได้โดยการเลียหรือที่เราเรียกว่า
"เลียประจบ" สุนัขอาจจะเลียแข้งเลียขาไปจนถึงเลียหน้าเจ้าของ เราถือว่าเป็นการ
เลียเพื่อแสดงความรัก ความเป็นมิตรกัน เป็นสัญชาติญาณจากบรรพบุรุษของสุนัข
ทุกตัวนั่นเอง
"เลียประจบ" สุนัขอาจจะเลียแข้งเลียขาไปจนถึงเลียหน้าเจ้าของ เราถือว่าเป็นการ
เลียเพื่อแสดงความรัก ความเป็นมิตรกัน เป็นสัญชาติญาณจากบรรพบุรุษของสุนัข
ทุกตัวนั่นเอง
12. การกัดและไล่ล่า สุนัขเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าคนถึง 10 เท่า
การตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากสุนัขถูกเลี้ยงดูอย่างไม่
ค่อยเอาใจใส่ดีนัก เช่น ถูกตีบ่อยๆ หรือเจ้าของขังไว้ในกรงบ่อยและนานๆ บางคน
ชอบเตะสุนัข ถ้าหากสุนัขตัวใดเจอสภาวะเหล่านี้บ่อยเข้า ก็จะแสดงอาการต่อต้าน
เจ้าของและต่อต้านบุคคลอื่น สุนัขตัวอื่นหรือสัตว์อื่นๆได้เสมอ ทำให้ควบคุมสุนัข
ได้ยากขึ้น
การตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากสุนัขถูกเลี้ยงดูอย่างไม่
ค่อยเอาใจใส่ดีนัก เช่น ถูกตีบ่อยๆ หรือเจ้าของขังไว้ในกรงบ่อยและนานๆ บางคน
ชอบเตะสุนัข ถ้าหากสุนัขตัวใดเจอสภาวะเหล่านี้บ่อยเข้า ก็จะแสดงอาการต่อต้าน
เจ้าของและต่อต้านบุคคลอื่น สุนัขตัวอื่นหรือสัตว์อื่นๆได้เสมอ ทำให้ควบคุมสุนัข
ได้ยากขึ้น
การเดินเข้าหาสุนัขที่ก้าวร้าวจะต้องเดินเอาข้างของลำตัวเข้าหา ถ้าเอาด้านหน้า
หรือเดินเข้าไปตรงๆ สุนัขจะเข้าใจว่าไปท้าทาย จากนั้นก็เอาแขนยื่นออกไปข้าง
หน้าเพื่อหันความสนใจของสุนัขออกจากตัวและขาของเราด้วย สำหรับสุนัขที่ชอบ
วิ่งไล่คนหรือวิ่งไล่รถจักรยาน หรือคนที่เมื่อเจอสุนัขแล้วชอบวิ่งหนีนั้น เป็นการ
จุดชนวนให้สุนัขวิ่งไล่ขึ้นไปอีก การที่สุนัขวิ่งไล่เรานั้นเพียงแค่อยากจะหยุดเรา
ชั่วครู่เท่านั้น เพราะตามสัญชาติญาณ เมื่อฝ่าเท้าถูกกระตุ้นให้วิ่ง ย่อมหมายถึงว่า
จะต้องมีการล่าเกิดขึ้น แต่จะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หรือเดินเข้าไปตรงๆ สุนัขจะเข้าใจว่าไปท้าทาย จากนั้นก็เอาแขนยื่นออกไปข้าง
หน้าเพื่อหันความสนใจของสุนัขออกจากตัวและขาของเราด้วย สำหรับสุนัขที่ชอบ
วิ่งไล่คนหรือวิ่งไล่รถจักรยาน หรือคนที่เมื่อเจอสุนัขแล้วชอบวิ่งหนีนั้น เป็นการ
จุดชนวนให้สุนัขวิ่งไล่ขึ้นไปอีก การที่สุนัขวิ่งไล่เรานั้นเพียงแค่อยากจะหยุดเรา
ชั่วครู่เท่านั้น เพราะตามสัญชาติญาณ เมื่อฝ่าเท้าถูกกระตุ้นให้วิ่ง ย่อมหมายถึงว่า
จะต้องมีการล่าเกิดขึ้น แต่จะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น